วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Fellowship Series #3: ชีวิตที่สมดุลย์

"พระเยซูก็ได้จำเริญขึ้นในด้านสติปัญญา ในด้านร่างกาย และเป็นที่ชอบจำเพาะพระเจ้า และต่อหน้าคนทั้งปวงด้วย" ลูกา 2:52

ก่อนพระเยซูจะทรงเริ่มพระราชกิจของพระองค์เรารู้ประวัติของพระองค์น้อยมาก ในพระกิตติคุณมีเพียงพระธรรมลูกาเท่านั้นที่บันทึกไว้ และข้อสุดท้ายที่กล่าวถึงช่วงวัยชีวิตของพระเยซูใน 30 ปีแรกก่อนเริ่มพระราชกิจ ก็คือข้อดังกล่าวข้างต้น

ประเด็นหลักคือ พระเยซูเติบโตขึ้น พระเยซูจำเริญขึ้นใน 4 ด้าน ได้แก่

1. ฝ่ายสติปัญญา wisdom not smart nor clever
สติปัญญานี้ ไม่ใช่ปัญญาแบบโลก
1โครินธ์ 3:18 อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงตัวเอง ถ้าผู้ใดในพวกท่านคิดว่า ตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้ จงให้ผู้นั้นยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนมีปัญญาได้

สติปัญญาแบบพระเจ้าเป็นเช่นไร
ยากอบ 3:17 แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด
หลักคิดของพระเจ้านั้นเรียบง่าย(simple)แต่ไม่ง่ายง่าย(easy) ครบถ้วน(complete)แต่ไม่ซับซ้อน(complicate)

ความยำเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญาแบบพระเจ้า หรืออีกนัยหนึ่ง ยิ่งยำเกรงพระเจ้ามากขึ้น ยิ่งได้รับและเติบโตในสติปัญญาของพระองค์มากขึ้น
สุภาษิต 1:7 ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้
สุภาษิต 9:10 ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา

2. ฝ่ายกายภาพ stature
แม้ร่างกายนี้จะเป็นเพียงที่อยู่ชั่วคราวของเรา
2คร.5:1 เพราะเรารู้ว่า ถ้าเรือนดินคือกายของเรานี้จะพังทำลายเสีย เราก็ยังมีที่อาศัยซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทานให้ ที่มิได้สร้างด้วยมือมนุษย์ และตั้งอยู่เป็นนิตย์ในสวรรค์

แต่ตราบเท่าที่เรายังดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ จิตวิญญาณ ยังคงต้องพึ่งพาฝ่ายกายภาพ เราไม่สามารถไปไหนได้เฉพาะแต่จิตวิญญาณ โดยที่ร่างกายมิได้ไปด้วยได้

ดังนั้นแล้วเราจึงต้องดูแลร่างกายของเราให้ดี เพื่อเป็นพาหนะนำพาจิตวิญญาณของเราไปกระทำกิจบนโลกใบนี้ ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ ไปให้ถึงยังจุดหมายปลายทาง
ดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารกินไว ไขมันสูง กินข้าวเช้า ไม่กินก่อนนอน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพประจำปี ท่องเที่ยวพักผ่อนตามโอกาสอำนวย

จิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ย่อมอาศัยอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง

3. ฝ่ายจิตวิญญาณ favour to God
เป็นที่ชอบใจในสายตาของพระเจ้า เป็นผู้ที่ดำเนินตามพระดำรัสของพระเจ้า
เราจะลงรายละเอียดเรื่องนี้ ใน ชีวิตที่พระเจ้าโปรดปราน (pleased life) อีกครั้งหนึ่ง

การเติบโตขึ้นทางฝ่ายจิตวิญญาณ โดยการกินอาหารฝ่ายวิญญาณ คือ การเรียนรู้ที่จะกระทำตามพระทัยของพระเจ้า
เราจะลงรายละเอียดเรื่องนี้ ใน อาหารแห่งวิญญาณจิต (spiritual foods) อีกครั้งหนึ่ง
ยอห์น 4:34 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ"

4. ฝ่ายสังคม favour to man
เป็นที่ชื่นชอบในสายตามนุษย์ เป็นคนมีชื่อเสียงดี ประกอบสัมมาชีพ ดูแลตัวเอง ช่วยเหลือผู้อื่นได้
กษัตริย์ซาโลมอน ผู้ที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในโลกนี้ ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เอาไว้
สุภาษิต 3:4 ดังนั้น เจ้าจงหาความพอใจ และชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์
สุภาษิต 22:1 ชื่อเสียงดีเป็นสิ่งควรเลือกยิ่งกว่าความมั่งคั่งมากมาย
ปัญญาจารย์ 7:1 ชื่อเสียงดีก็ประเสริฐกว่าน้ำมันหอมอย่างวิเศษ

การเติบโตทางสังคม คือ การเรียนรู้จักการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การมีมารยาททางสังคม ไม่เพียงเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่น(understaning) แต่เรียนรู้ที่จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น (sympathy) รู้จักคบหาสมาคมคนอื่น พัฒนาบุคลิกภาพ การพูด การวางตัวในสังคม มีความจริงใจ จิตใจดีงาม เบิกบานใจ เป็นที่ชอบใจแก่คนที่พบเห็น

เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลก มีผลต่อโลก แต่ไม่เป็นของโลก ดุจดังเกลือแห่งแผ่นดินโลก เป็นดั่งตัวแทนของพระเจ้าในโลกนี้ ที่จะนำโลกกลับมาหาพระเจ้า ชีวิตที่สำแดงออกถึงพระศิริของพระเจ้า มีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนคนในสังคม

การเติบโตทั้ง 4 ด้านนี้ เปรียบเหมือนใบพัดกังหันลม ที่ยึดติดอยู่ด้วยกันประกอบกันขึ้นเป็นชีวิต
การเติบโตขึ้นในด้านใดด้านหนึ่ง มีผลทางอ้อมต่อการเติบโตในด้านอื่นด้วย ทำนองกลับกัน การไม่เติบโตในด้านใดด้านหนึ่ง ก็จะเป็นการเหนี่ยวรั้งต่อการเติบโตของด้านอื่นๆด้วย
กังหันลมที่สามารถใช้การได้ดี ควรมีขนาดของใบพัดที่เท่าๆกันฉันใด ชีวิตที่ดีก็ควรมีระดับการเติบโตในด้านต่างๆใกล้เคียงกันฉันนั้น

แกนของกังหันลมนี้ หากเปรียบก็จะเหมือนกับชีวิตของมนุษย์ ก่อนรู้จักพระเจ้า แกนนี้มีสภาพเป็นแกนดิน มนุษย์เป็นคนบาป ทำบาป และต้องรับผลของบาปนั้น แต่เมื่อเรารู้จักพระเจ้า เชื่อวางใจในการไถ่ของพระเยซูคริสต์ บังเกิดใหม่ ได้รับความรอด และชีวิตนิรันดร์เริ่มกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เปรียบเหมือน แกนดินนี้ จะได้รับการเปลี่ยนเป็นแกนทองคำทันที แต่ยังมีร่องรอยของคราบโคลนดินติดอยู่ภายนอกบ้าง ซึ่งเป็นเพียงความเคยชินในพฤติกรรมนิสัยบาปของเราเท่านั้น เราสามารถปฏิเสธที่จะไม่ทำตามความเคยชินนั้นได้ บาปไม่ได้มีอำนาจเหนือเราอีกต่อไป ยอห์น 1:12-13
12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า
13 ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ หรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า

แต่แม้การพลาดทำผิดบาป ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียสถานะภาพที่เรามีอยู่ในพระเยซูคริสต์ สถานะที่เรา "เป็นใคร" ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เราอาจเสียสิทธิบางอย่างจนกว่าเราจะกลับใจใหม่กับพระเจ้าในเรื่องบาปนั้นๆ

ในชีวิตของคริสเตียน พระเจ้าจึงมีกระบวนการพัฒนาเราผู้เชื่อ 2 กระบวน ผ่านทุกเหตุการณ์ตลอดชีวิตคริสเตียนของเรา คือ
1 กระบวนการชำระให้บริสุทธิ์ purification ล้างคราบไคล พฤติกรรมนิสัยเก่า เผยเนื้อแท้ในพระเจ้า
2 กระบวนการทำให้มีสง่าราศี glorification ขัดศรีฉวีวรรณ ผ่องส่องแสงเปร่งประกายแห่งพระศิริของพระเจ้าในชีวิต

ซึ่งทั้ง 2 กระบวนนี้ สิ่งสำคัญหลัก คือ พระวจนะคำพระเจ้า
ยอห์น 15:3 ท่านทั้งหลายได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่เราได้กล่าวแก่ท่าน
ยอห์น 17:17 ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง

มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปจริง แต่ผู้เชื่อไม่ใช่คนบาปแล้ว เราเพียงยังคงมีความทรงจำและคุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่ดำเนินในความผิดบาปเท่านั้น

หากมองกังหันลมนี้เป็นดั่งต้นไม้ จำเป็นที่ต้นไม้นี้ต้องวางรากลงบนคำสอนอันมีหลัก / ความจริงในพระเจ้า แล้วชีวิตของเขาจะจำเริญขึ้นเสมอตามฤดูกาลของพระเจ้า
สดุดี 1:3 เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น

เมื่อใบทั้ง 4 เติบโต แข็งแรงขึ้น พระเจ้ายกชูชีวิตของเราขึ้น เปรียบเทียบภาพเหมือนการหมุนของใบพัดเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ ที่ช่วยยกตัวเครื่องบินขึ้น เมื่อชีวิตเราถูกยกขึ้น ศิลาแห่งความจริงของพระเจ้าที่เราปักแน่นอยู่ก็จะถูกยกชูขึ้นโดดเด่นต่อคนในสังคมและประชาชาติให้ได้เห็นอย่างเด่นชัด
มัทธิว 5:16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

ดังนั้น ยิ่งผู้เชื่อแต่ละคนมีชีวิตที่สมบูรณ์เติบโตขึ้นอย่างสมดุลย์ในด้านต่างๆทั้ง 4 แกนหลักๆนี้ มากขึ้นเพียงใด คริสตจักรและพระเยซูคริสต์ผู้เป็นศีรษะของคริสตจักร ก็จะยิ่งสูงเด่น ได้รับเกียรติมากขึ้นเท่านั้น

** ใช้แบ่งปัน อ. 15 ก.พ. 2009 **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น