วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

ลมบน

วันนี้พระเจ้ามาหนุนใจในกลุ่ม

ก่อนกลุ่ม นั่งรถเมล์มา รถติด ร้อนๆ แล้วก็หลับ
ตื่นมา รู้สึกตัวเองได้ว่า ป่วยเสียแล้ว หมดเรี่ยวหมดแรงกันซะอย่างนั้น

มาถึงกลุ่ม ก็ไม่เห็นใคร แถมหย่อนก้นนั่งลงแล้ว ถึงรู้ว่าคนที่นำอธิษฐาน นมัสการ ก็ไม่สบาย มาไม่ไหว
ก็ตัดสินใจนำแทนนะ แต่สภาพนี่แย่สุดๆเลย

พระเจ้ามาหนุนใจ ผ่านคำเผยพระวจนะ

ชีวิตคนเราก็เหมือนการเล่นว่าว กว่าจะพาให้ไปขึ้นติดลมบนได้ ไม่ง่าย ต้องเหนื่อย ต้องทุ่มเท ต้องพยายาม
แต่เมื่อติดลมบนแล้ว พระเจ้าจะเป็นดั่งลมบน เป็นผู้ที่พาชีวิตของเราลอยทะยานไปยังที่ต่างๆอย่างมีเสถียรภาพ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ มีอธิษฐานรวมในโซน ก็เห็นเป็นภาพของคนที่อยู่ในหลุมลึก ที่คนนั้นคิดว่าตัวเองไม่สามารถปีนขึ้นมาได้ แต่พระเจ้าก็หนุนใจให้ พยายาม ให้ลงมือทำ พระเจ้าจะช่วยในส่วนที่เกินความคิดความเข้าใจ และความสามารถของมนุษย์เอง

อีกนิดเดียว สู้ๆ พยายามหน่อย อึดหน่อย ใกล้จะติดลมบนของพระเจ้าแล้ว เอเมน เอเมน

อธิษฐานด้วยความเชื่ออย่างเกิดผล

ครั้งหนึ่ง ดร. พอล ยองกี โช ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มีชื่อเสียงในประเทศเกาหลี ได้อธิษฐานกับพระเจ้า ร้องทูลถึงความลำบากยากจนข้นแค้นของชีวิตของท่านต่อพระเจ้า และได้ร้องทูลขอ โต๊ะ เก้าอี้ และจักรยาน จากพระเจ้า ผ่านไปหกเดือนท่านยังคงรักษาความเชื่อ แต่พระเจ้าก็ยังมิได้ทรงตอบคำอธิษฐานของท่าน วันหนึ่ง ท่านรู้สึกท้อแท้ใจและได้อธิษฐานกับพระเจ้า ในค่ำคืนนั้น พระเจ้าทรงมาเยี่ยมเยียนท่าน และสอนท่านให้อธิษฐานขอสิ่งที่ต้องการให้ชัดเจนเจาะจงลงไป เมื่อท่านขอใหม่ ท่านเกิดความมั่นใจว่าได้รับแล้ว ท่านได้แบ่งปันให้สมาชิกคริสตจักรฟังเหมือนว่ามันเกิดขึ้นแล้ว แม้ยังมองไม่เห็น

ดร.ยองกี กล่าวว่า เหมือนกับสตรีตั้งครรภ์ ทารกของนางนั้นมีจริง เพียงแต่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เมื่อถึงครบกำหนดเวลาก็จะคลอดออกมา เราจึงจะเห็นได้ เช่นกันกับการอธิษฐานขอกับพระเจ้า ด้วยความเชื่อที่ชัดเจนเจาะจงในสิ่งที่ขอ และมั่นใจว่าได้รับแล้วนั้น สิ่งที่ขอนั้น พระเจ้าทรงประทานให้แล้ว เมื่อถึงเวลา สิ่งนั้นก็จะปรากฏชัดให้เห็นกับตา เป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าอย่างแน่นอน

วิธีการอธิษฐานด้วยความเชื่ออย่างเกิดผล
1. สร้างเป้าหมายให้ชัดเจน
- สร้างเป้าหมายทางจินตนาการให้ชัดเจน เห็นเป็นภาพในจิตใจในทุกรายละเอียด
- พระเจ้าจะไม่ตอบคำอธิษฐานที่เลื่อนลอย
- พระเจ้าทรงกระทำงานของพระองค์ ผ่านความคิด ผ่านความเชื่อของเรา

2. มีใจปรารถนาอย่างแรงกล้า
- สภษ.10:24 ...แต่สิ่งใดที่คนชอบธรรมปรารถนา พระองค์ทรงประสาทให้
- สดด.37:4 4 จงปีติยินดีในพระเจ้า และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน
- พระเจ้าไม่ต้องการลักษณะอุ่นๆหรือเรื่อยๆเฉื่อยๆ พระองค์เป็นพระเจ้าที่ชำนาญในทางเร่งร้อน
3. ขอหลักฐาน ขอความมั่นใจ
- ขอพระเจ้าประทานสิ่งยืนยัน ให้เป็นความแน่ใจ เป็นหลักฐานค้ำประกันว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
- ตั้งใจอธิษฐานจนกระทั่งได้รับการยืนยันจากพระเจ้า เกิดความมั่นใจภายในจิตใจว่าพระเจ้าทรงประทานสิ่งนั้นใหแล้ว และมันจะคลอดออกมาเมื่อถึงเวลาที่กำหนด
4. ใช้ถ้อยคำ
- แสดงความเชื่อให้ปรากฏทางถ้อยคำ ในคำพูด ในคำอธิษฐาน
- การอัศจรรย์จะไม่เกิดขึ้น จากความพยายามอันไร้ความรู้ความเข้าใจในพระวจนะคำของพระเจ้า
- เรามีกฎเกณฑ์สำหรับปฏิบัติตนในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ และมีแหล่งทรัพยากรไม่รู้จบในใจเรา
- พระเจ้าสถิตอยู่ในเรา และทรงร่วมมือกับเราในการกระทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ
- พระเจ้ามั่นคงแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง ทรงเคยร่วมมือกับโมเสส โยชูวา และบุคคลต่างๆมาแล้วอย่างไร ก็ยังทรงร่วมมืออยู่อย่างนั้น
- แต่หากตัวบุคคลในยุคสมัยนี้ ยังไม่ยอมเปลี่ยนวิถีความคิด ก็อย่าหวังเลยที่จะเห็นพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เองแก่ผู้นั้น ดั่งเช่นที่พระองค์เคยได้ทรงกระทำมาแล้ว
- สิ่งใดที่เติบโตขึ้นในความคิดและจิตใจของท่าน สิ่งนั้นจะปรากฏเป็นจริงออกมาสู่ชีวิตความเป็นอยู่ของท่าน ดังนั้น ควรสังเกตความคิดและจิตใจของท่านให้ดี อย่าพยายามหาคำตอบจากพระเจ้าผ่านทางบุคคลอื่น เพราะคำตอบของพระเจ้าจะผ่านทางจิตวิญญาณของท่านเอง ไม่ใช่คนอื่น

จงเรียนรู้ที่จะฟูมฟักความเชื่อ เพื่อให้ความเชื่อของเราใช้การได้ ดังนั้นแล้ว สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้ (มัทธิว 21:22)

(เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของ “มิติที่สี่ นำชีวิตไปสู่ความสำเร็จ” พอล ยองกี โช)

ปล. ช่วงนี้ กำลังกระตุ้นคนในโซนให้ร่วมกันอธิษฐาน ทางผน.อยากได้บทเรียนไปใช้แบ่งปันในกลุ่ม ก็มอบหมายให้ผมเขียน ไหนๆก็เขียนแล้ว ขอเอามาลงไว้ด้วยละกัน

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง

ตั้งแต่ 6โมงเช้าวันอาทิตย์ ผมเริ่มต้นอดอาหารอธิษฐาน ตั้งใจว่าจะอดตลอดช่วงวันหยุดสงกรานต์ รวมๆแล้วก็ไม่กี่วันเอง
อดอาหารอธิษฐานมาได้ 34 ชม. ไม่มีน้ำหรืออาหารตกถึงท้อง นอกจาก อธ.กับอ่านพระคัมภีร์ และฟุบหลับ... (อนาถจิตดีแท้)

จริงๆก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่า ช่วงสงกรานต์จะเป็นช่วงเคลียร์งาน มีหลายๆอย่างที่ผมอยากจะคิดลงรายละเอียดเพื่อนำเสนอคจ. เเต่ก็มีวาระแทรกจากความหวังดีและห่วงใยของผู้นำที่รักยิ่งของเรา

มาถึงจุดหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า ผมหูอื้อ ตาลาย หน้ามืด อธ.ต่อไปก็มึนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคิดงาน ไอ้ครั้นจะดื่มน้ำเสียหน่อย ก็รู้สึกฟ้องผิดกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ แต่ครั้งจะอดอาหารอธ.ต่อ ก็รู้สึกว่าเป็นการดันทุรัง และมีอาการรักษาหน้ากับพระเจ้ามากกว่าจะรักษาใจกับพระองค์ หากแม้นอดอาหารต่อไป พระเจ้าก็ดูเหมือนจะไม่พอพระทัยเสียด้วยซ้ำ ดูเป็นการทรมานร่างกาย เหมือนตอนที่เจ้าชายสิททัตถะทรมานตนยังไงก็ไม่รู้สิ

ผมหวนระลึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้...

ผม...เคยมีอาการอย่างนี้ครั้งหนึ่งแล้วนี่นา หากเล่าให้หลายคนฟัง เขาคงรู้สึกเลื่อมใส ที่ผมสามารถอดอาหารอธ.ได้ยาวนาน แต่ครั้งนั้น ผมเรียนรู้ว่า ผมได้ฝืนทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเอง ฝืนใจพระเจ้า แน่นอนว่าสุดท้าย คนที่รู้ดีกว่าใครถึงผลลัพธ์ที่ผมได้รับว่าคือสิ่งใด ก็คือตัวผมเอง

ผมจำได้ว่า ครั้งนั้น ผมจึงบอกกับพระเจ้าไว้ว่า ผมจะไม่อดอาหารอธ.เองแบบบ้าหักโหมเช่นนี้อีก ไม่ใช่เพราะผมขาดความเชื่อ แต่เพราะการทรงสร้างของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

จุดเน้นย้ำของพระเจ้าในชีวิตผมคือ การมีชีวิตให้มีความสุขอย่างสมดุลย์ โดยปกติผมอธ.ง่ายๆ เชื่อง่ายๆ พระเจ้าก็ตอบง่ายๆ ไม่ได้จำเป็นต้องไปทำให้มันยุ่งยากวุ่นวายใหญ่โตเหมือนที่ใครหลายคนคิดหรือเชื่ออย่างนั้น

คิดแล้วก็เสียใจ เผลอปล่อยตัวไปกับความเชื่อของคนอื่น แทนที่จะได้คิดงานที่มั่นใจได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อคริสตจักร และอาณาจักรภาพรวมแน่ กลับต้องมาเสียเวลานั่งฟื้นฟูสภาพตัวเองอีก เฮ่อ เหมือนถูกมารหลอกเลยอ่ะ

พระเจ้าก็พูดชัดเจน พระองค์พอพระทัยการกระทำที่เป็นผลของความเชื่อ แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้เลย (ฮบ.11:6)

หากเราเองทำสิ่งที่เราไม่เชื่อ ไม่ว่าจะเนื่องด้วยเหตุผลใด หรือจะไปพยายามหว่านล้อมให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่เขาไม่เชื่อ ด้วยตรรกะความคิดและความเชื่อของเรา เหล่านี้ ล้วนกินลมกินแล้ง พระคัมภีร์ เรียกว่า อนิจจัง ( meaningless) ส่วนตัวผมเองชอบเรียกสิ่งนี้ว่า "ไร้สาระ"

... ความสงบสุขกำมือหนึ่งยังดีกว่าการงานตรากตรำสองกำมือและการกินลมกินแล้ง (ปัญญาจารย์ 4:6) คุณว่าจริงไหม

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552

self...

ช่วงนี้ ไปลงเรียนพระคัมภีร์ Nexus Bible Programs เอาไว้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก แค่มีพี่คนหนึ่งมาสอน ก็คิดว่า ชาตินี้จะได้มีโอกาสเรียนรู้จากชีวิตและประสบการณ์การรับใช้พระเจ้าของพี่เขาไหม หากปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป

หากวันนี้ไม่ลงเรียน อีก 30 ปีข้างหน้า มองย้อนกลับมา เราคงเสียใจมากแน่ๆ ก็ตัดสินใจเรียน โดยไม่ละเลยภาระปัญหาที่ต้องเผชิญตามมา

จะบอกว่า รู้สึกคุ้มค่ามากๆ จริงๆนะ

เมื่อวานนี้ อ.ผู้สอนติดภาระกิจ จึงให้ศิษย์เอก คือ อ.กอล์ฟมาสอนแทน อ.กอล์ฟท่านเติบโตขึ้นมากจริงๆ วันนี้ท่านสอนหลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์และโดนใจผมอย่างมาก คือ เรื่อง 3-self

1. self-control หรือ การรู้จักบังคับตน 1ในผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นลักษณะชีวิตพื้นฐานของคริสเตียน คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก พูดกันเป็นภาษาง่ายๆมันคือการรู้จักควบคุม ความคิด ความรู้สึก คำพูด และการกระทำของเรานั่นเอง ไม่ใช่เพียงแค่การอดทนอดกลั้นเหมือนหลักปรัชญาของบางศาสนา แต่คือ การรู้จักตัวเองมากพอที่จะแสดงออกตอบสนองตามพระลักษณะของพระเจ้าที่อยู่ภายในชีวิตเรา
2. self-discipline หรือ การมีวินัยในตนเอง พูดง่ายๆ คือ การรู้จักเวลา รู้ว่าเวลาใดควรหรือไม่ควรทำสิ่งใด ต้องทำหรือต้องไม่ทำสิ่งใดในเวลาใด เคารพเส้นตาย เป้าหมาย แผนที่วางไว้ ให้รู้จักกำหนดเส้นตายของงาน เราจะบีบตัวเองให้ทำงานเก่งขึ้นได้
3. self-learning หรือ การเรียนรู้ด้วยตนเอง ขยันที่จะเป็นนักอ่าน นักศึกษา นักค้นคว้า ไม่ต้องรอให้อาจารย์มาป้อน เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองเสมอๆ

อ.กอล์ฟ เชื่อมั่นว่า ใครที่สามารถพัฒนาตัวเองในทั้งสามด้านนี้ได้ จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน ผมขอรับไว้เป็นดั่งคำอวยพรเนื่องในวันเกิดปีนี้ของผมนะครับ

ปีนี้เป็นปีที่แปลก แต่ดีจริงๆ เป็นปีแรกที่ไม่มีข้อความส่งมาอวยพรวันเกิดซักข้อความเดียว คนรอบข้างใกล้ตัวตามโครงสร้างอภิบาลดูเหมือนจะไม่มีใครรู้วันเกิดของผมนะนี่ มีคนสองคนที่โทรมา msnมา ระหว่างวัน และอีกหลายคนที่อวยพรผ่าน"ฮิห้า" อย่างไรก็ขอบคุณนะครับ
ส่วนที่บอกว่าดีจริงๆ เพราะคำอวยพรแรกในวันเกิดปีนี้ เป็นคำอวยพรที่สัมผัสได้ถึงความห่วงใยและการเอาใจใส่ของคนอวยพร ผมเชื่อว่าคำอวยพรทั้งหมดจะเป็นจริงตามนั้น ผมรู้ว่า ผู้ที่อวยพรผมพระเจ้าจะทรงอวยพรเขากลับ และหวังว่า เราจะได้อวยพรให้กันและกันเช่นนี้ไปตลอด จนแก่จนเฒ่าไปด้วยกัน

เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้ปีนี้ เป็นปีที่ผมเองจะกล้าเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น... ขอบคุณที่ยอมรับผมได้ ไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไร ผมจะดีขึ้นแน่ๆ ผมสัญญาครับ