วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อิสราเอลแท้

มองย้อนกลับไปช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เห็นพระเจ้าทรงทำงานในชีวิตของผมผ่านน้องคนหนึ่งอย่างมากจริงๆ
จากเพียงเสียดสี เริ่มเป็นขัดเกลา เริ่มเป็นกระเทาะ ล่าสุดเริ่มพัฒนาไปสู่การเจาะลึก
มีหลายอย่างในชีวิต ที่ต้องกล้ำกลืนยอมรับว่าเราไม่ชัดเจนจริงๆ เราไม่รู้จริงๆ หรือแม้กระทั่ง เราเชื่อมาผิดๆ
หลายต่อหลายอย่างที่ชีวิตถูกโปรแกรมไว้ด้วยวิธีความคิดมนุษย์ แล้วเคลือบฟิล์มอย่างดีด้วยคำว่า พระคัมภีร์

แม้กระทั่ง ความรู้สึกและจิตสำนึก ก็ยังกลายเป็นผลผลิตของความคิด นับว่าอันตรายจริงๆ ไม่น่าแปลกใจ เวลาที่ผ่านมาถึงรู้สึกเสมอๆ ว่าตัวเองแค่ไปได้ใกล้ๆความจริง แต่ไม่เคยไปถึงเสียที

มันต่างกันมาก ระหว่างการยอมรับว่า เราเป็นคนบาป และการที่เราคิดว่า เรา(ควร)ยอมรับว่า เราเป็นคนบาป
ความคิดเป็นผลผลิตของสมอง เกิดจากกระบวนการคิดของมนุษย์
ไม่ได้บอกว่า คริสเีตียนไม่ต้องใช้ความคิด แต่แค่จะบอกว่า ต้องใช้ให้สมดุลย์

ข้อสรุปของผม ก็คือ ผมกลับมาเริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์อีกครั้ง ค่อยๆอ่าน ไม่เน้นอ่านเร็วหรืออ่านเยอะ ตั้งใจว่าจะอ่านรอบเดียวแต่ขอเน้นๆ ไปช้าๆ แต่ให้ชัวร์

ประเดิมด้วย พระธรรมยอห์น ก็ให้เจอเรื่องใหม่ๆ หลายอย่าง ตั้งแต่บทที่ 1 เช่น
ข้อ 5 ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่... ถ้าให้ดีน่าจะแปลว่า และความมืดหาได้รู้จักความสว่างไม่ ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับข้อ 10-11 มากกว่า ผมเข้าใจว่า ความสว่างกับความมืดก็อยู่ด้วยกันแหล่ะ แต่ความมืดไม่รู้จัก ไม่เข้าใจความสว่างเท่านั้นเอง
หรือเรื่องที่พระเยซูรับบัพติศมา อ่านมาตั้งนานเพิ่งจะเข้าใจว่า ยอห์นก็ไม่รู้ว่าใครคือพระเมสสิฮาห์ รู้แต่ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะมาเจิมคนนั้น พอยอห์นเห็นพระวิญญาณลงมาประทับพระเยซู ถึงรู้ว่าคนนี้แหล่ะตัวจริง
โดนใจสุด คงเป็นเรื่องของ นาธานาเอล (ชื่อเขาแปลว่า พระเจ้าประทานให้ หรือ ของขวัญจากพระเจ้า) ตอนฟิลิปไปชวน เขาพูดโพล่งขึ้นมาว่าจะมีสิ่งดีออกมาจากนาซาเร็ธหรือ แต่พระเจ้ากลับเรียกเขาว่า อิสราเอลแท้ ผมเข้าใจว่าเพราะเขาพูดตรงไปตรงมา ในใจเขาไม่มีอบาย ไม่ลับลมคมใน เขาไม่ได้เป็นอิสราเอลแท้ เพราะเชื้อสาย แต่เพราะความเชื่อของเขา

ไม่ง่ายเท่าไหร่เลย ที่จะเป็นคนอย่างนั้น เป็นคนที่มีจิตใจซื่อตรงกับพระเจ้า แต่ก็จะเริ่มต้นนะครับ